ความสำคัญและการวัดประสิทธิภาพการเผาไหม้ในระบบอุตสาหกรรมด้วยเครื่อง Flue Gas Analyzer
ความสำคัญและการวัดประสิทธิภาพการเผาไหม้ในระบบอุตสาหกรรมด้วยเครื่อง Flue Gas Analyzer
ความสำคัญของการตรวจสอบปริมาณการปล่อยก๊าซไอเสีย
|
เป็นที่ทราบกันดีว่าระบบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาไหม้จำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบหลักๆ ที่ทำให้เกิดกระบวนการดังกล่าวขึ้น ซึ่งได้แก่ เชื้อเพลิง ซึ่งอาจอยู่ในรูปของของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซก็ได้ ถัดมาคือ ปริมาณอากาศ ซึ่งก็คือ ออกซิเจน และสุดท้ายก็คือ ความร้อนที่ถูก feed เข้าไปในระบบเพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยา combustion เกิดขึ้น
โดยในทางอุดมคติแล้วระบบที่เกิดกระบวนการเผาไหม้หรือ combustion จะทำให้ได้ product เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ซึ่งเราเรียกว่า เป็นการเผาไหม้แบบสมบูรณ์หรือ Perfect Combustion แต่ในความเป็นจริงแล้ว มักจะมีก๊าซไอเสีย หรือที่เราเรียกว่า Flue gas เกิดขึ้นด้วยเสมอ ตัวอย่างเช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเกิดจากการปนเปื้อนขององค์ประกอบธาตุชนิดต่างๆ ในเชื้อเพลิง เช่น การปนเปื้อนของกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในน้ำมันเตาเผา จึงก่อให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตามมาด้วย เป็นต้น
Perfect Combustion |
Incomplete Combustion |
Good Combustion |
ดังนั้น ในทางปฏิบัติแล้วเราจึงควรมีการควบคุมปริมาณก๊าซไอเสียดังกล่าวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หรือเป็นไปตามมาตรฐานที่กฏหมายกำหนด เราจึงขออ้างอิงประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงาน ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ที่มีการกำหนดปริมาณของก๊าซไอเสียชนิดต่างๆ ตัวอย่างเช่น
• ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ในกรณีที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงนั้นต้องมีปริมาณไม่เกิน 690 ppm
• ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ แบ่งตามแหล่งกำเนิดความร้อนที่ใช้(เชื้อเพลิง) เช่น น้ำมันหรือน้ำมันเตาต้องมีปริมาณไม่เกิน 950 ppm หรือถ้าเป็นถ่านหินต้องมีปริมาณไม่เกิน 700 ppm
• ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน กรณีที่ใช้น้ำมันหรือน้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงต้องมีปริมาณไม่เกิน 200 ppm หรือถ้าเป็นถ่านหินต้องมีปริมาณไม่เกิน 400 ppm
นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมปริมาณขององค์ประกอบของก๊าซไอเสียชนิดต่างๆ ตามที่กลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ กำหนด ยกตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมโรงงานปูนซีเมนต์ที่มีการระบายอากาศเสียออกจากหน่วยการผลิต ดังต่อไปนี้
ถ้าเป็นหม้อเผาปูนซีเมนต์ทั่วไป ก็จะมีการกำหนดปริมาณของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ให้ไม่เกิน 50 ppm หรือก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ต้องมีปริมาณไม่เกิน 500 ppm เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดปริมาณของก๊าซดังกล่าวในระบบระบายอากาศเสียออกจากหน่วยการผลิตอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งในบริเวณใกล้เคียง และประการที่ 2 คือ ต้องทำการปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้ดีขึ้นให้อยู่ในจุดที่เรียกว่า Good Combustion หรือจุดที่มีการเผาไหม้ที่เหมาะสม เพื่อจะสามารถช่วยลดต้นทุนในการใช้เชื้อเพลิงต่างๆ ลง ส่งผลต่อประโยชน์ทางด้านการเงินต่ออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งทำได้โดยการปรับสัดส่วนของการใช้อากาศหรือออกซิเจนให้เหมาะสมกับปริมาณของเชื้อเพลิงที่ใช้ เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเผาไหม้สูงสุด รวมทั้งยังช่วยลดปริมาณของ flue gas loss หรือก๊าซไอเสียส่วนเกิน ทำให้ไม่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ใช้โดยไม่จำเป็น และยังสามารถน้ำความร้อนที่ออกมาพร้อมกับ flue gas loss ไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย
เราจึงขอนำเสนอ เครื่องมือวัดประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ปล่องระบาย รุ่น testo 340 และ testo 350 ที่จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาดังที่กล่าวข้างต้นได้ โดยสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย application ไม่ว่าจะเป็นทางด้านพลังงาน ตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์, กังหัน, เตาเผา, กระบวนการที่ใช้ความร้อน, การผลิตและซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า, การตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ รวมถึงอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การซ่อมบำรุงภายในโรงงาน และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ High Energy เป็นต้น โดยเครื่องมือของเราสามารถนำมาวัดปริมาณก๊าซต่างๆ ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ เพื่อนำไปปรับปรุงให้เตาเผามีประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ เครื่องมือของเรายังสามารถขยายช่วงการวัดให้กว้างขึ้นได้อีก ในกรณีที่มีความเข้มข้นของก๊าซสูงๆ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเซนเซอร์ สามารถทำการวัดอัตราการไหลในท่อได้ รวมทั้ง difference pressure อีกด้วย และยังสามารถทำการวัดแบบ long time ได้ หรือในกรณีที่เกี่ยวกับ gas turbine หลักๆ ก็จะถูกนำไปใช้ในการวัดก๊าซไนโตรเจนมอนอกไซด์ (NO) และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ที่ปริมาณความเข้มข้นต่ำๆ ดังนั้น จึงต้องการความแม่นยำที่สูงขึ้น ซึ่งเครื่องมือของเราก็สามารถที่จะใช้ติดตั้งเซนเซอร์ NOlow และ COlow ทำการวัดในช่วงความเข้มข้นต่ำๆ ได้ ทำให้ความแม่นยำสูงขึ้น และในปัจจุบันโลกเราได้ก้าวเข้าสู่โลกของเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อ และส่งข้อมูลผ่านทางการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ด้วยเหตุนี้ทาง testo จึงได้พัฒนาเครื่องมือที่สามารถทำการวัด และส่งผ่านข้อมูลได้ทันทีเมื่อเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์, Tablet หรือ smart phone ทำให้กระบวนการทำงานทั้งหมดจบได้ในขั้นตอนเดียว
บริษัท เอ็นเทค อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ testo จากประเทศเยอรมนี รวมถึงการบริการหลังการขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย testo Thailand
สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อ
หน่วยงานเอกชน คุณพณิชรัตน์ โทร. 092-282-3339
หน่วยงานราชการ คุณนันท์นภัส โทร. 092-282-3223
หน่วยงานภาคตะวันออก คุณลัดดาวัลย์ โทร. 092-248-9991
หรือ Line ID : @entech