เครื่องวัดสเปคตรัมของแสงสีฟ้า หรือ Blue Light Spectrum สำหรับตู้อบเด็ก

การฉายแสงด้วย Blue Light หรือแสงสีฟ้าได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการรักษาภาวะบิลิรูบินในเลือดสูงในทารกแรกเกิด ซึ่งเป็นภาวะที่มีบิลิรูบินในเลือดมากเกินไป ทำให้เกิดสีเหลืองของผิวหนังของทารกที่เรียกว่า โรคดีซ่าน การฉายแสงที่มีประสิทธิภาพจำเป็นที่จะต้องมีการฉายแสงที่ปริมาณสูงเพียงพอ และมีความยาวคลื่นที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปช่วงความยาวคลื่นดังกล่าวนั้นจะอยู่ในช่วงของ Blue Light นั่นเอง ซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีการรักษาขนาดใหญ่ทั่วๆ ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการฉายแสงในทารกแรกเกิดมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมามากว่า 50 ปี โดยใช้เทคโนโลยีที่มีการให้แสงสว่างมากมาย รวมถึงหลอดฟลูออเรสเซนต์ประเภทต่างๆ หลอดทังสเตนฮาโลเจน และหลอดเมทัลฮาไลด์ ตลอดจนเครื่องมือที่มีการฉายแสงชนิด LED ซึ่งกลายเป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้งานกันอย่างมากมาย โดยหลอดฉายแสงที่หลากหลายนี้ให้เอาต์พุตของสเปกตรัมแสงที่แตกต่างกันอย่างมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของช่วงของความยาวคลื่นที่ทำการฉายแสงออกมา ปริมาณของแสงสีฟ้าดังกล่าวว่ามีความถูกต้องหรือไม่ รวมถึงพื้นที่ผิวที่สัมผัส และเวลาการฉายรังสี

ซึ่งโดยปกติแล้วความยาวคลื่นของแสงสีฟ้าที่อยู่ในช่วงประมาณ 400 – 500 นาโนเมตร โดยมีจุดสูงสุดที่ 460 ±10 นาโนเมตร ถือว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการรักษาภาวะบิลิรูบินในเลือดสูง และเมื่อพูดถึงมาตรฐานของการใช้ช่วงความยาวคลื่น และปริมาณของแสงสีฟ้าดังกล่าวแล้ว โดยทั่วไปผู้ผลิตในยุโรปจะต้องทำการทดสอบหลอดลำแสงสีฟ้านี้ตามมาตรฐาน IEC 60601-2-50: 2009 + A1: 2016 ซึ่งมาตรฐานนี้ระบุว่าการฉายแสงสีฟ้าทั้งหมดสำหรับบิลิรูบิน (E_bi) ซึ่งหมายถึงการฉายรังสีแบบรวมในช่วงความยาวคลื่น 400 – 550 นาโนเมตร และแสดงเป็นในหน่วย mW / cm² แต่อย่างไรก็ตาม ภายในโรงพยาบาล การฉายแสงสีฟ้าดังกล่าวนั้นจะใช้ความยาวคลื่นที่อาจแตกต่างกันไปตามเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ จากแต่ละผู้ผลิต คำแนะนำล่าสุดจาก American Academy of Pediatrics (AAP) ที่ออกในปี 2011 ระบุการฉายแสงสีฟ้าเฉลี่ยอย่างน้อย 30 μW / cm² / nm ที่วัดได้ในช่วงตั้งแต่ 460 –  490 นาโนเมตร และยังระบุด้วยว่าควรหลีกเลี่ยงระดับการฉายแสงสีฟ้าที่มากกว่า 60 μW / cm² / nm และเมื่อแหล่งกำเนิดแสงมีอายุมากขึ้น ความเข้มของรังสีจะลดลงตามจำนวนชั่วโมงการทำงาน ด้วยเหตุผลนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่จำเป็นจะต้องทำการวัดความเข้มแสงของอุปกรณ์ฉายแสงสีฟ้าเป็นประจำ โดยแพทย์หรือช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ

เราขอเสนอ เครื่องวัดสเปคตรัมของแสงสีฟ้า หรือ Blue Light Spectrum รุ่น MSC15-Bili จากแบรนด์ Gigahertz ประเทศเยอรมนี ที่จะช่วยทำการมอนิเตอร์ตรวจสอบการฉายแสงสีฟ้าดังกล่าว  โดยสามารถแสดงผลเป็นทั้งแบบสเปกตรัม และตัวเลขบ่งบอกปริมาณของแสงสีฟ้าที่เกิดขึ้นในช่วงความยาวคลื่นดังกล่าวจากอุปกรณ์หลอดไฟต่างๆ และสามารถแสดงในโหมดการแสดงผลตามมาตรฐานล่าสุด โดยจะแสดงเป็นปริมาณแสงที่ทำการฉายทั้งหมดสำหรับ bilirubin application โดยเฉพาะ (Total irradiance E_bi) ในหน่วยของ mW/cm² ซึ่งตรงตามมาตรฐาน IEC 60601-2-50:2009+A1:2016 ที่ได้กล่าวไปในข้างต้น

การแสดงแบบตัวเลขของค่าที่วัดได้ตามมาตรฐาน IEC 60601-2-50

การแสดงแบบกราฟฟิกของค่าที่วัดได้ตามมาตรฐาน IEC 60601-2-50

โดยออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด สำหรับการวัดการฉายแสงสีฟ้าแบบรวม โดยไม่ต้องทำการแก้ไขค่าสำหรับระบบส่องไฟที่แตกต่างกัน โดยตัวเครื่องออกแบบมาให้สามารถใช้งานง่าย มีการแสดงผลผ่านหน้าจอสัมผัสแบบสี รวมถึงแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานแบบเต็มวัน และสามารถทำการชาร์จผ่านสายชาร์จ USB ทั่วไปได้ โดยเครื่องมือนั้นได้ถูกผลิตขึ้นผ่านมาตรฐานการรับรองสำหรับห้องปฏิบัติการการทดสอบ DIN EN ISO / IEC 17025
เครื่องวัดมีโหมดการวัดสำหรับแต่ละมาตรฐานที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้:
• AAP 2004 Guidance, 430 nm – 490 nm average irradiance in μW/cm²/nm
• AAP 2011 Guidance, 460 nm – 490 nm average irradiance in μW/cm²/nm
• IEC 60601-2-50 Total irradiance for bilirubin, Ebi, 400 nm – 550 nm in mW/cm²
• Spectral irradiance 360 nm – 830 nm including lux, CCT and x,y chromaticity

สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อ
โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย : คุณสาธิดา  โทร. 092-282-3335
โรงพยาบาลในภาคตะวันออก : คุณลัดดาวัลย์ โทร. 092-248-9991
โรงพยาบาลทั่วไป : คุณพรรณธิภา  โทร. 063-902-9892
หรือ Line ID : @entech